เมื่อเราต้องการจะตกแต่งภายใน บ้าน คอนโด ร้าน สำนักงาน ฯลฯ การหาบริษัทออกแบบตกแต่งภายในที่เชื่อถือได้เป็นสิ่งที่สำคัญ และ อีกประการหนึ่งที่สำคัญอย่างมากในการว่าจ้างตกแต่งภายใน คือ สัญญาจ้างตกแต่งภายใน การทำสัญญาระหว่างลูกค้ากับบริษัทตกแต่งภายใน เป็นการตกลง ว่าจ้าง และ รับจ้าง โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดที่ตกลงร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย เกี่ยวกับรายละเอียดในการออกแบบตกแต่งภายใน ทั้งรูปแบบ จำนวน วัสดุ วันเวลาที่เริ่ม และ กำหนดส่งมอบ ค่าบริการ กำหนดการตรวจงาน ค่าปรับ หรือแม้กระทั่ง การรับประกัน ฯลฯ ซึ่งรายละเอียดต่างๆนี้เป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตกลงนัดทำสัญญากับบริษัทตกแต่งภายในที่เลือกไว้
หลักการพิจารณาสัญญาจ้าง มีดังนี้
1. รายละเอียดคู่สัญญา
ในสัญญาต้องมีการระบุรายละเอียดคู่สัญญาให้ชัดเจนระหว่าง ผู้ว่าจ้าง และ ผู้รับจ้าง มีการระบุชื่อ........ ที่อยู่........ วันที่....สถานที่....ในการทำสัญญา เอกสารประจำตัวหรือบริษัทในการประกอบสัญญาต้องชัดเจน ข้อความในสัญญาและเอกสารต้องถูกต้องตรงกัน
2. ระบุโครงการที่จะตกแต่ง
ต้องมีการระบุรายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ สถานที่ที่ผู้รับจ้างเข้าปฏิบัติงาน ให้ครบถ้วนชัดเจน
3. ระบุรายการที่จะตกแต่ง และ วัสดุอุปกรณ์
ในสัญญาต้องมีการระบุรายการที่จะตกแต่งให้ครบถ้วน พร้อมกับรายการวัสดุ อุปกรณ์ที่ใช้ในการตกแต่ง เช่น ใช้ไม้ประเภทใด วัสดุปิดผิวรหัสอะไร หินอ่อนชื่ออะไร-รหัสอะไร Fitting ใช้แบรนด์ไหน เป็นต้น
4. ค่าบริการและกำหนดในการชำระ
สำหรับข้อนี้แนะนำว่าต้องตรวจสอบให้ละเอียดถี่ถ้วนเป็นพิเศษ อันดับแรก ตรวจสอบยอดค่าบริการให้เป็นไปตามที่ตกลงกันทั้งสองฝ่าย อันดับสอง ตรวจสอบยอดการแบ่งชำระในแต่ละงวด ให้สอดคล้องกับรายละเอียดและปริมาณงานที่จะได้รับ ค่าบริการต่องวดกับงานที่ได้ต้องเหมาะสมกัน อันดับสาม ต้องระบุการตรวจสอบงานในแต่ละงวดให้สมบูรณ์ตามรายละเอียด ก่อนมีการชำระค่าบริการ
5. ระบุวันเวลาที่เริ่ม และ วันเวลากำหนดส่งมอบ
สิ่งที่สำคัญมากอีกประการหหนึ่งคือ ต้องมีการระบุ วัน/เดือน/ปี ที่เริ่มเข้าปฏิบัติงานและ วัน/เดือน/ปี กำหนดเสร็จพร้อมส่งมอบ ให้ถูกต้องชัดเจน เพื่อเป็นขอบเขตของเวลาในการปฏิบัติงานของผู้รับจ้างโดยระยะเวลาดังกล่าวนี้ต้องตกลงกันทั้งสองฝ่าย และควรที่จะสอดคล้องกับปริมาณงานด้วยเช่นกัน
6. ระบุค่าปรับ อัตราการปรับ
ในสัญญาที่เชื่อถือได้ควรมีการระบุค่าปรับและอัตราการปรับของทั้งสองฝ่าย มีระบุการปรับฝ่ายผู้รับจ้างเมื่องานล้าช้าไม่เป็นตามข้อกำหนด เกินระยะเวลาที่ส่งมอบ มีระบุการปรับฝ่ายผู้ว่าจ้างเมื่อมีการผิดนัดชำระค่าบริการ สัญญาต้องเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย
7. ระบุรายละเอียด งานเพิ่ม-ลด
ระบุข้อตกลงในสัญญาเกี่ยวกับงานที่ผู้ว่าจ้างต้องการทำเพิ่ม-ลด ระบุรายละเอียดข้อตกลงกันให้ชัดเจนว่าลักษณะใดคืองานเพิ่ม-ลด และควรระบุข้อตกลงกันไว้ด้วย เช่น ขอเสนอราคาให้ผู้ว่าจ้างอนุมัติก่อนมีการทำงานที่เพิ่มเป็นต้น
8. ค่าเสียหายเมื่อมีการผิดสัญญา
ระบุข้อตกลงของค่าเสียหาย ขอบข่ายค่าเสียหายชดเชยที่เป็นธรรม เมื่อมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งผิดสัญญาหรือบอกเลิกสัญญากลางคัน
9. การรับประกัน
ควรมีการระบุการรับประกันงานภายหลังส่งมอบ ระบุระยะเวลาการรับประกันให้ชัดเจน วันเริ่มต้น-วันที่สิ้นสุดระยะประกัน และเงื่อนไขในการรับประกันมีรายละเอียดใดบ้าง
ทั้งหมดนี้เป็นหลักในการพิจารณาสัญญาจ้างเหมาตกแต่งภายใน ที่สามารถช่วยในการพิจารณาจ้างบริษัทตกแต่งภายใน หรือ ผู้รับเหมา ที่เชื่อถือได้มาทำงานตกแต่งภายในให้เรา เพื่อป้องกันปัญหาในภายหลังและก่อนที่จะนัดทำสัญญาควรขอร่างสัญญามาเพื่อพิจารณาก่อนเสมอ
Comments